กิจกรรมรับน้องครับ>
ตามความจริง กิจกรรมการรับน้องใหม่
อาจถือได้ว่าเป็นประเพณีหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยก็ว่าได้
เพราะคำว่าประเพณีตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง สิ่งที่นิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมา จนเป็นแบบแผน
ขนบธรรมเนียม หรือจารีตประเพณี ซึ่งกิจกรรมรับน้องนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่มีการสืบทอดต่อ ๆ
กันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ถ้าจะศึกษาว่าเกิดขึ้นมาเมื่อไรนั้น
ก็ไม่มีข้อมูลที่มาอธิบายได้เด่นชัด
แต่น่าจะมาพร้อมกับการเกิดลักษณะรุ่นพี่รุ่นน้องขึ้นกับนักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยนั้น
ๆ
ความหมายของการรับน้องนั้น
รศ.ดร.กำชัย จงจักรพันธ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ไว้ ในการเสวนาว่า การรับน้องเป็นการส่งมอบความสุขจากผู้ที่มาอยู่ก่อน
สู่ผู้ที่มาอยู่ใหม่
ซึ่งก็คือ เป็นการสืบทอดความรู้สึกอันดีต่าง ๆ ของรุ่นพี่สู่รุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่
เป็นการสร้างความสัมพันธ์ สมัครสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ
โดยเฉพาะในรั้วมหาวิทยาลัยที่กว้างขวางด้วยแล้ว
การสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน พี่น้อง ร่วมสถาบันเดียวกัน
ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้แต่ละบุคคลมีความเชื่อมโยงและกว้างขวางมากขึ้นด้วย
และจากการที่ภายในมหาวิทยาลัย ผู้คนที่มาอยู่ก็ล้วนมาจากพื้นที่ วัฒนธรรม
หรือแม้กระทั่งภาษาที่แตกต่างกัน การได้รู้จักเรียนรู้และเข้าใจซึ่งกันและกัน
ก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อบุคคลนั้นในภายภาคหน้า จึงนับได้ว่า ประเพณีรับน้อง
คือปราการด่านแรกที่ช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
ซึ่งถ้าขาดกิจกรรมส่วนนี้ไป
ก็อาจเป็นการยากที่จะสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้ทำความรู้จักเพื่อนร่วมคณะ
หรือสถาบันเดียวกัน จนบางครั้งอาจถึงขั้นต่างคนต่างอยู่
ไม่จำเป็นต้องสนใจกันเลยก็เป็นได้
การรับน้องนั้นก็มีหลายระบบแต่จะยกตัวอย่างระบบที่หลายสถาบันนิยมใช้
ระบบ SOTUS ประกอบด้วยคำ 5 คำ
ที่มีความหมายแตกต่างกัน 5 ประการ ดังนี้
S Seniorty มีความหมายว่า
ความสัมพันธ์แบบนับพี่ ถือน้อง
O Order มีความหมายว่า การปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ข้อบังคับ
T Tradition มีความหมายว่า การสืบทอด ประเพณี
ที่ยึดถือกันมา
U Unity มีความหมายว่า ความสามัคคีในหมู่คณะ
S Spirit มีความหมายว่า ความมีน้ำใจ
เสียสละต่อส่วนรวม
ซึ่งเป็นระบบที่เกิดจากในสหรัฐอเมริกา
ใช้ในการปกครองและปลูกฝังการฝึกทหารใหม่
แต่การใช้ระบบนี้หลายคนอาจจะมองว่ารุนแรงแต่ในความเป็นจริงนั้น
ระบบโซตัสในการรับน้องคือการนำแค่บางส่วนของโซตัสมาปรับใช้เท่านั้น
ดังแค่แกนหลัก5ข้อข้างต้น
ความรุนแรงและการใช้กำลังรวมถึงการใช้กำลัง
และการใช้คำหยาบคายด่าทอนั้นไม่ได้นำมารวมด้วย
ข้อเสียของโซตัส
คือ ถูกใช้ในทางที่ผิดนั้นคือการใช้กำลังการทำร้ายร่างกายการนำเหตุผลส่วนตัว
เข้ามาใช้ การใช้อารมณ์
ทำให้เกิดการวิภาควิจารย์ และนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบัน
ข้อดีของโซตัส
-ฝึกความอดทนทั้งทางกายและทางใจ
ต่อสภาพเเวดล้อม ต่อถ่อยทำที่บันทอนจิตใจ
การเป็นนักศึกษาต้องมีความอดทน
เพื่อการใช้ชีวิตในสังคม ในสัมคมนักศึกษาที่จบไปใช่ว่าจะหา
งานทำได้ทุกคน งานที่ได้ใช่ว่าจะง่ายดาย
สภาพแวดล้อมใช่ว่าจะดีเสมอไป
ดังนั้นควรมีความอดทนกับการทำงาน อดทนกับหน้าที่ที่ได้รับ
อดทนต่อสภาพเเวดล้อม
สภาพแวดล้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ ดินฟ้าอากาศ แต่หมายถึงเพื่อนร่วมงานและ
บุคคลที่เราจะต้องใช้ชีวิตหรือร่วมงานด้วย
-ฝึกการมีวินัยการมีวินัยคือการรู้จักมีความรับผิดชอบในหน้าที่การไม่ปล่อยปะละเลย
การวางตัวในที่ที่มีกฎเกนสูง การตรงต่อเวลา
การไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสีย
-ฝึกการมีน้ำใจและการถ่อมตัวการไม่ยกตนข่มท่านการให้เกียรติผู้อื่น
แม้คนคนนั้นจะต้อยต่ำแม้จะเป็นขอทานแต่หากว่าเขาก็เป็นคนคนทุกคนมีค่าความเป็นคน
ทัดเทียมกันดังนั้นไม่ควรจะไปดูถูกผู้อื่น
การถ่อมตัวคือการรู้จักเคารพผู้อื่นการเคารพผู้ อาวุโส
การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่
-ฝึกให้มีความสามัคคีในหมู่คณะ